Translate

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

10อันดับสุดยอดปริศนาในอวกาศ

ในอวกาศที่กว้างใหญ่นั้นมีเรื่องลึกลับอยูมากมายที่เราสงสัย(ละมั้ง)และในตอนนี้~จะขอเสนอ
10อันดับสุดยอดปริศนาในอวกาศ(ไม่มีรูปอีกแล้ว)

อันดับ 10 ซิม เนบิวลาอินทรี (Simulacrum in Eagle Nebula)
 
(Simulacrum) มาจากภาษาลาติน ซึ่งหมายความว่า “อุปมาคล้ายคลึงกัน” ส่วน “อีเกิ้ล เนบิลา” (Eagle Nebula)  เป็นกลุ่มเมฆหมอกของฝุ่น แก๊ส และพลาสมาในอวกาศ ที่เป็นต้นกำเนิดของดวงดาว ซึ่งสังเกตได้ง่าย
เมื่อเอาสองคำมารวมกัน “ซิม เนบิวลาอินทรี” จะหมายถึงปรากฏการณ์ประหลาดที่หลายคนมักอ้างว่า พวกเขาได้เห็นภาพหน้าบุคคลในกลุ่มเมฆ ฝุ่น แก๊ส และพลาสมาบนท้องฟ้าที่เนบิวลาอินทรี  ซึ่งส่วนมากเป็นหน้าพระเยซูคริสต์ หรือไม่ก็สัญลักษณ์ทางศาสนา แล้วแต่จะจินตนาการและตีความของแต่ละคน โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เทวทูตแห่งอากาศ” ซึ่งบรรดานักวิทยาศาสตร์เองก็ไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวเหล่านี้ได้ ส่วนภาพคือภาพที่ถูกถ่ายเมื่อปี 1995 กล้องฮับเบิลจับภาพ Eagle Nebula และแพร่ภาพออกอากาศทางสถานี CNN
 
อันดับ 9 กาแล็กซี่มาจากไหน? (Where did galaxies come from?)
 
ทุกวันนี้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่า กาแล็กซี่(Galaxy) ซึ่งเป็นกลุ่มดาวจำนวนมากมหาศาลนับแสนล้านดวงที่ลองลอยบนอวกาศมาจากไหน และกำลังไปไหน สิ่งที่นักวิทยาศสตร์ก็เพียงแค่กาแลคซีมารวมตัวเป็นกลุ่ม ที่เรียกว่า “ซุปเปอร์คลัสเตอร์” โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้สองทฤษฏีหลักในการพยายามที่จะอธิบายการก่อตัวกาแลคซี โดยอันแรกเกิดจากการกำเนิดบิ๊กแบง แล้วเริ่มมีการรวมกล่มของก๊าซและฝุ่นฝงที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วเอกภพแล้วรวมตัวกันจนกำเนิดเป็นดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ ส่วนที่สองคือก๊าซที่มาจากดาวใหญ่มารวมตัวจนกลายเป็นดาวฤกษ์ แม้สองทฤษฏีนั้นเป็นสากลที่ยอมรับกัน แต่นักดาราศาสตร์หลายคนเชื่อกันว่ากาแล็กซี่ที่อายุมากขนาดนั้นไม่น่าจะมีกลุ่มก๊าซเหลือหนาแน่นมากพอที่จะรวมตัวกันเกิดเป็นดาวฤกษ์ใหม่ขึ้นมาได้
 
8. โลกอื่น (Other Earths)
 
ดวงอาทิตย์ของเรานั้นเป็นดาวเพียงหนึ่งเดียวในล้านล้านในจักรวาลจริงหรือ หากมีดวงอาทิตย์อื่นนอกเหนือจากของโลกเราแล้วรอบๆ ดวงอาทิตย์นั้นจะมีดาวที่คล้ายโลกเราหรือไม่ ซึ่งตามหลักคณิตศาสตร์แล้วมีความสามารถเป็นไปได้ ในจักรวาลของเรานั้นน่าจะมีดาวต่างๆ ที่คล้ายกับโลกเรา และน่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เช่น ล่าสุดมีการพบดาวเคราะห์กลีส 581 ดี ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่ลักษณะคล้ายโลก ซึ่งเป็นดาวเคราะห์นอกระบบดวงหนึ่ง อยู่ห่างจากโลกราว 20 ปีแสงในทิศทางของกลุ่มดาวคันชั่ง และดาวเคราะห์นี้มีน้ำบนพื้นผิวของโลก แต่กระนั้นอย่างไรก็ตามเราก็ไม่เคยไปสำรวจดาวดังกล่าว ซึ่งหวังว่าในอนาคตความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจะช่วยทำให้เราค้นพบคำตอบที่ยิ่งใหญ่นี้
 
อันดับ 7. มีจักรวานอื่นอีกไหม? (Are there Other Universes?)
                 
                มีจักรวาลอื่นอีกไหม นอกเหนือไปจากจักรวาลของเรา? นี้คือคำถามที่มีการเถียงมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีทฤษฏีคือจักรวาลเป็นอนันต์คือไม่สิ้นสุด เป็นไปได้ที่จะมีจักรวาลอื่นจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดขึ้น ดำรงอยู่ และมีวิวัฒนาการทั้งก่อน พร้อมๆ หรือหลังจักรวาลของเรา อย่างไรก็ดี แม้จะมีการพูดถึงจักรวาลอื่นนอกเหนือจากจักรวาลของเรามานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว  พัฒนาการเรื่องจักรวาลอื่นก็ยังคงย้ำอยู่ที่เดิม เนื่องจากเรายังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน สนับสนุนโดยหลักฐานอย่างเป็นรูปธรรม
 
อันดับ 6 สสารมืด (Dark Matter)
 
              สมการของไอน์สไตน์ "E=mc^2" อาจเป็นสมการที่หลายคนรู้จักกันดีกว่าสมการทั้งหมด โดยสมการนี้สามารถนำไปไปใช้อธิบายสสารในจักรวาลได้ หากแต่นั้นเป็นเพียงสสารปกติที่มีเพียงสี่เปอร์เซ็นต์ของจักรวาลเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้นหลายคนเชื่อว่ามันเป็นรูปแบบของสสารมืด 21% และอีก 75% เป็นพลังงานมืด แล้วสสารมือคืออะไร สสารมืด เป็นองค์ประกอบในอวกาศชนิดหนึ่งซึ่งเป็นเพียงสมมุติฐานทางด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์และจักรวาลวิทยา ว่ามันเป็นสสารซึ่งไม่สามารถส่องแสงหรือสะท้อนแสงได้ แม้ว่ามันมีอยู่ทุกที่ แต่มันก็ไม่ใช่สามารถทำให้เห็นได้ แต่เชื่อว่าสสารมืดมีบทบาทอย่างมากในการก่อตัวและการพัฒนาการของดาราจักร ในกระจุกดาราจักรและเอกภพ และสสารมืดเป็นหนึ่งในความลึกลับของจักรวาลซึ่งนักวิทยาศาสตร์เพียรพยายามหาหลักฐาน มายืนยันว่ามันมีอยู่จริงมานานหลายทศวรรษ
 
อันดับ 5 Mars/Earth Connection
 
เมื่อพูดถึงสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์อื่นๆ นอกเหนือจากโลกของเรา แล้วดาวอังคารถือว่าเป็นดาวในระบบสุริยะจักรวาลที่หลายฝ่ายเชื่อกันว่าเป็นดาวที่เคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มากที่สุด
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีทฤษฏีสมคบคิดมากมายในการพูดถึงสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร โดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายจากดาวอังคารที่เชื่อว่าครั้งหนึ่งดาวอังคารเคยมีอารยธรรมเหมือนโลกของเรา เช่น ใบหน้าบนดาวอังคาร, ปิรามิดบนดาวอังคาร และรูปถ่ายที่ปรากฏสิ่งมีชีวิตรูปร่างเหมือนลิงกำลังนั่งอยู่บนหินบนดาวอังคาร สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายคนเชื่อว่าครั้งหนึ่งในพื้นผิวดาวอังคารเคยปกคลุมด้วยมหาสมุทรมาก่อน เมื่อมีน้ำก็ย่อมมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ หากแต่มันได้หายอย่างไร้สาเหตุ ปัจจุบันหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามค้นหาน้ำบนดาวอังคาร ซึ่งเราหวังว่าภารกิจไปดาวอังคารปัจจุบันจะช่วยแก้ปริศนาดังกล่าวได้
 
อันดับ 4. ยูเอฟโอกับมนุษย์อวกาศนาซ่า UFO sightings by NASA Astronauts
 
สิ่งที่ขาดไม่ได้เกี่ยวกับปริศนาจากอวกาศก็คือการมีอยู่ของมนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริงหรือหรือไม่ หากมีจริงทำไมมันถึงมาโลกของเราอย่างลับๆ และสุดท้ายนาซ่ามีความลับเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวหรือไม่ หากมีทำไมนาซ่าถึงพยายามปกปิดเรา สิ่งเหล่านี้คือปริศนาที่หลายคนยังคงพยายามหาข้อพิสูจน์มากหลายศตวรรษ แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่น่าพอใจแต่อย่างใด
                สิ่งที่เราพอรู้ก็เรื่องราวของจานบินของมนุษย์ต่างดาวกับนาซ่าตั้งแต่อดีตนั้นมีมากมายหลายเหตุการณ์ แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือเหตุการณ์มนุษย์อวกาศเผชิญหน้ากับจานบินในอวกาศ หนึ่งในเหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือกรณีของ กอร์ดอน คูเปอร์ (Gordon Cooper) อดีตนักบินอวกาศองค์การนาซ่าและพันโทลาร์รีย์ คอยเน่ (Larry Coyne) ผู้เผชิญหน้ากับจานบินในระยะกระชั้นชิดเมื่อปี 1973 ในตอนนั้นพวกเขากำลังเดินทางวงโคจรรอบโ,ก ทันใดนั้นเองพวกเขาก็ได้เห็นวัตถุเรืองเสียงจากหน้าต่าง มันเป็นแสงสีเขียวและใกล้ แต่ที่เรดาร์กลับไปจับสัญญาณ ทันทีที่เขากลับถึงโลกก็ถูกสื่อมวลชนตั้งคำถามดังกล่าวมากมาย หากแต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่น่าซ่ากลับไม่ให้กอร์ดอน คูเปอร์สัมภาษณ์และพยายามปกปิด แต่กระนั้นอย่างไรก็ตามปัจจุบันกอร์ดอน คูเปอร์เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่เชื่อในเรื่องการมีมนุษย์ต่างดาว
 
อันดับ 3.หลุมขาว (“White” Holes)
                
หนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ก็คือการใช้คณิตศาสตร์พิสูจน์ว่าการดำรงอยู่ของหลุมดำนั้นมีอยู่จริง ซึ่งสมัยก่อนนั้นเรายังไม่เชื่อว่าหลุมดำมีอยู่จริง และด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเราตอนนี้สามารถอธิบายเรื่องราวของหลุมดำอะไรหลายๆ อย่าง นอกจากนี้สมการของไอน์สไตน์ยังกล่าวอีกว่าหลุมขาวก็น่าจะมีอยู่จริง แม้ตอนนี้ยังไม่มีใครค้นพบก็ตาม
หลุมขาว ได้ถูกขนานนามในทางวิทยาศาสตร์ว่ายูนิคอร์นจากอวกาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีตัวตนเหมือนในตำนานที่อาจไม่มีอยู่จริงหรือมีอยู่จริงก็ได้ หากอธิบายง่ายๆ ก็คือเมื่อหลุมดำเป็นหลุมที่ดูดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป หลุมขาวก็คือหลุมที่ผลักทุกสิ่งทุกอย่างอีกจากมัน ซึ่งตามทฤษฏีแล้วเป็นไปได้ทางคณิตศาสตร์แต่ทางฟิสิกส์นั้นไม่มีทางเป็นไปได้ และปัจจุบันเราแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหลุมขาวเลย อีกทั้งยังไม่เคยพบเห็นหลุมขาว ซึ่งหากเราพบมันบางทีมันอาจจะช่วยเราอธิบายความลึกลับที่ไม่รู้จักอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เอกภพอื่น กาแลคซีมาจากไหน เป็นต้น
 
2. ซากปรักหักพังบนดวงจันทร์(Ruins on Moon)
 
ดวงจันทร์ถือได้ว่าเป็นอีกดาวเคราะห์ดวงหนึ่งนอกเหนือจากโลก ที่หลายคนเชื่อว่าครั้งหนึ่งดวงจันทร์เคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ และด้วยเหตุนี้เองทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิด(Conspiracy Theory) เกี่ยวกับซากปรักหักพังบนดวงจันทร์เกิดขึ้น
โดยทฤษฏีสมรู้ร่วมคิดดังกล่าวเชื่อว่าที่ดวงจันทร์ยังมีซากปรักหักพังโบราณสถาน ซึ่งเป็นหลักฐานอย่างดีเลยว่าครั้งหนึ่งบนดวงจันทร์มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญาอาศัยอยู่ หากแต่รัฐบาลสหรัฐ(นาซ่า)ได้พยายามปกปิดความจริงนี้เอาไว้ไม่ให้ประชาชนรับรู้ โดยทฤษฎีดังกล่าวพึ่งจะมีการพูดถึงเป็นวงกว้างเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีผู้มาร้องเรียนให้รัฐบาลเปิดเผยความจริงดังกล่าว โดยมีหลักฐานคือภาพถ่ายดวงจันทร์ที่ทางรัฐบาลเผยแพร่แก่ประชาชนถูกเซ็นเซอร์ ตัดทอน ซึ่งจากการวิเคราะห์การเซ็นเซอร์ดังกล่าวปรากฏว่ามันมีรูปร่างหรือโครงสร้างเหมือนโบราณสถานอะไรบางอย่าง ต่อมาก็มีภาพถ่ายมุมสูงของดวงจันทร์หลายใบที่แสดงให้เห็นว่ามีจุดแปลกเหมือนซากปรักหักพังหลายแห่ง และเมื่อเร็วๆ นี้มีนักวิทยาศาสตร์ได้ประกาศว่าพวกเขาได้ค้นพบน้ำ, น้ำแข็ง ที่ใต้พื้นผิวของดวงจันทร์ ซึ่งการค้นพบดังกล่าวยิ่งเป็นตัวเร่งให้หลายคนเชื่อว่าดวงจันทร์มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มากยิ่งขึ้น
 
อันดับ 1 พลังงานมืด (Dark Energy)
 
หลังงานมืดนับว่าเป็นความลึกลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล และทุกวันนี้เรายังเชื่อว่ามันอยู่รอบๆ ตัวเรา แต่กระนั้นมันกลับผิดหลักแรงโน้มถ่วงโดยสิ้นเชิง  โดยพลังงานมืดมันคือพลังงานในสมมุติฐานที่แผ่อยู่ทั่วไปในอวกาศและมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นตามอัตราการขยายตัวของเอกภพและขยายตัวอย่างไม่มีสิ้นสุด พลังงานมืดเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุดในการใช้อธิบายถึงผลสังเกตการณ์และการทดลองมากมายอันแสดงถึงลักษณะที่เอกภพปรากฏตัวอยู่ในลักษณะการขยายตัวออกอย่างมีอัตราเร่ง ในแบบจำลองมาตรฐานของจักรวาลวิทยา มีพลังงานมืดอยู่ในเอกภพปัจจุบันเป็นจำนวน 74% ของมวล-พลังงานรวมทั้งหมดในเอกภพปัจจุบันเรารู้จักพลังงานมืดน้อยมาก แม้ว่าการค้นพบใหม่นี้จะได้ร่องรอยที่สำคัญว่าพลังงานมืดเป็นส่วนประกอบของจักรวาลและมีบทบาทต่อจักรวาลมานานแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังไกลต่อการพิสูจน์ว่าพลังงานมืดคืออะไร
 
 
อ้างอิงจาก
ที่มา cammy
เนื้อหาเพิ่มเติมจากวิกิพีเดียไทย-อังกฤษ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น