Translate

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

เมื่อถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว

                ทุกวันนี้เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวยังคงเป็นเรื่องลึกลับและยากต่อการพิสูจน์นั้นมีมากมายเหลือจะกล่าว โดยเฉพาะเรื่องการคนที่ถูกลักพาตัวโดยมนุษย์ต่างดาว(Abductees) ซึ่งวงการวิทยาศาสตร์ปัจจุบันยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก ที่มาจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ฝัน หรืออาการหลอนประสาท
                บุคคลเหล่านี้มักเล่าเรื่องตนถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวโดยใช้วิธีการสะกดจิตย้อนหลัง(regressive hypnosis) ซึ่งวิธีนี้นักวิทยาศาสตร์ไม่ยอมรับมากนักเพราะว่าเป็นอาการของจิตสร้างขึ้นเสียมากกว่าและอาจคาดเคลื่อนโดยการชักจูงของนักสะกดจิต
                บุคคลเหล่านี้มักเล่าเรื่องตนถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวโดยนี้ส่วนมากมักเป็นบุคคลที่อยู่ในรูปความทรงจำไม่ปะติดปะต่อ มีอาการฝันร้ายและเครียดโดยพวกเขามักเข้าไปพบจิตแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยบางครั้งสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กุมขมับเป็นอย่างมากกว่าเรื่องที่พวกเขาเล่า คือหลักฐานทางวัตถุที่ปรากฏในพวกเขาเหล่านั้น เช่น มีวัตถุประหลาดบางอย่างอยู่ในตัวของผู้ถูกลักพา หรือมีสัญลักษณ์ประหลาดปรากฏในตัว
                ในอดีตจนถึงปัจจุบันมีผู้อ้างว่าเคยถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวหลายราย แต่มีน้อยมากที่เป็นกรณีน่าศึกษา เช่นคู่สามีภรรยาคู่นี้...

  
สองสามีภรรยาตระกูลฮิลส์ ( The Hills Alien Abduction)

เหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนเชื่อกันว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงนั้น ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน ค.ศ.1961 ในรัฐนิวแฮวเชียร์ สหรัฐอเมริกา ในเวลานั้นคนผิวสีแต่กับคนผิวขาวสังคมจะมองด้วยสายตาแปลๆ เช่นเดียวกับครอบครัวฮอลส์ ที่สามีชื่อ บาร์นีย์ ฮิลส์(Barny Hills) วัย 39 ปี พนักงานไปรษณีย์ และนางเบ็ตตี้ ฮิลล์(Betty Hilly) ผู้เชี่ยวชาญประจำกรมคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ที่กำลังอยู่ระหว่างพักผ่อนตากอากาศรำลึกความหลังเก่าๆ ที่แคนาดา โดยวันนั้นเป็นวันที่ 19 กันยายน 1961 เวลาประมาณ 4 ทุ่ม ในขณะที่บาร์นีย์ขับรถกลับบ้าน บาร์นีย์ก็สังเกตว่ามีดวงดาวหนึ่งเคลื่อนไหวแปลกๆ เขาจึงหันมาบอกภรรยาให้สังเกตสิ่งที่เขาเห็น จนกระทั้งบาร์นีย์ขับรถจนมาถึงเมืองนอร์ธ วู้ดสต็อค เขาก็ยังเห็นดวงดาวที่เคบื่อนที่ผิดปกติอยู่ เมื่อมาถึงเมืองอินเดียน เฮดจึงตัดสินใจหยุดรถและออกมาดูอีกครั้งให้แน่ใจ โดยใช้กล่องส่องทางไกลส่องดวงดาวนั้น เขาก็พบว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่ดาวหากแต่เป็นยานประหลาดลำหนึ่งที่ลอยได้ และยานดังกล่าวได้ลอยท่ห่บาร์นีย์อย่างช้าๆ ด้วยความกลัวบาร์นีย์จึงรีบขึ้นรถและขับหนีออกไป พอมาดูอีกทีก็พบว่ายานดังกล่าวหายไปแล้ว แต่ในขณะที่เขาขับรถไปสักพัก เขาก็ได้ยินเสียงแหลมปี้ปๆแม้ว่าเขาจะรู้สึกขับมาแค่ 2 นาที แต่เมื่อเหลือบไปมองหลักกิโลก็พบว่าเขามาไกลประมาณ 35 ไมล์แล้ว
  
เบ็ตตี้และบาร์นีย์ขับรถกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ หลักจากพบยานบินแล้ว ทั้งคู่ก็หลับด้วยความเหนื่อยอ่อนทันที และวันรุ่งขึ้นเบ็ตตี้ก็ตื่นนอน และโทรศัพท์ไปหาน้องสาวของเธอเล่าเรื่องที่พบยานบินให้ฟัง และน้องสาวของเธอได้แนะนำให้ไปที่ฐานทัพอากาสพีท(Pease Air  Forve Base) เพื่อเล่าเหตุการณ์นี้ให้เจ้าหน้าที่ฟัง ซึ่งทางนั้นก็ได้บอกให้พวกเธอว่า “มรเวลานั้น เรดาร์ของพวกเขาก็ตรวจพบยานบิน UFO เช่นกัน)
  
จากนั้นเรื่องเหล่านี้ก็ปรากฏในสื่อแขนงต่างๆ และแพร่หลายในเวลาต่อมา สองสามีภรรยาถูกนักข่าวจำนวนมากสอบถามประเด็นการสูญเสียความทรงจำในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ว่าสองสามีภรรยานั้นจำเรื่องเกิดขึ้นไม่ได้เลย ทั้งสองจึงไปพบจิตแทย์และนักประสาทวิทยาผู้เชี่ยวชาณ ดร.เบนจามิน ไซมอน(Dr. Benjamin Simon)ทิ่เมืองบอสตัน รัฐเมสซาซูเซทท์ โดยได้ใช้วิธีสะกดจิตแบบย้อนหลังเพื่อปลดล็อกความทีรงจำที่สูญหายไปสองชั่วโมงดีงกล่าว ภายหลังการรักษาสองสามีภรรยานานกว่า 2 เดือน หมอก็ออกมาแสดงความเห็นว่า สองสามีภรรยาถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาและถูกมนุษย์ต่างดาวนำตัวพวกขึ้นขึ้นยานบิน ทำการทดลองทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ต่างๆ ก่อนที่จะถูกมนุษย์ต่างดาวปล่อยตัวไป โดยสะกดจิตห้ามเปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
 
ระหว่างที่บำบัดด้วยการสะกดจิตนั้นสองสามีภรรยาได้บรรยายเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวที่จับพวกเขาไปว่า เป็นสิ่งมีชีวิตที่หัวล้านเลี่ยนสูงประมาณ 5 ฟุต มีผิวสีเทา หัวลักษณะคล้ายลูกแพรและตาวาวเหมือนแมว” และรายละเอียดต่อมา มนุษย์ต่างดาวดังกล่าวก็กลายเป็นตัวมาตรฐานที่คนทั่วไปที่อ้างว่าเคยพบเห็น ในชื่อว่า Grays  นอกจากนี้ยังไม่มีการทดลองทั่วร่างกายและจิตใจของสองสามีภรรยาดังงกล่าว เพื่อหาข้อพิสูจน์ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยผลตรวนเนื้อเยื่อ ผิวหนัง ผม และเล็บมีการนำไปพิสูจน์ แต่ผลการทดสอบนั้นไม่เปิดเผย ทำให้ผลสรุปแล้วกรณีครอบครัวฮอลล์ยังคงเป็นกรณีศึกษาและถกเถียงจนถึงปัจจุบัน

                จากหนังสือต่วยตูน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น