Translate

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์

                มาพูดถึงผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นแจ๊คเดอะริปเปอร์บ้างดีกว่าหลายคนอาจคิดว่าแจ๊ดเป็นผู้ชายเสอมไปแต่ก็มีผู้หญิงอยู่นะ(ส่วนรูปหาเจอแต่เอาเข้าไม่ได้มันจะช้านะค่า)

อันดับที่ 10
Lewis Carroll (1832-1898)
ลิวอิส คาร์รอลล์เป็นนามปากกาของ Charles Lutwidge Dodgson เป็นนักประพันธ์และที่ที่ปรึกษาคนสนิทขององค์ราชินีวิคทอเรีย เป็นครู เป็นนักคณิตศาสตร์ที่มีที่มีอารมณ์อ่อนไหว เรียบง่าย สมถะ และบุคลิกแบบตรงไปตรงมา เขาเกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2375 ที่เมือง Darebury ในแคว้น Cheshire ของอังกฤษ บรรพบุรุษของวงศ์ตระกูลนี้นับตั้งแต่ ทวด ปู่ ฯลฯ ทุกคนมีอาชีพสอนศาสนา เมื่ออายุได้ 18 ปี เขาได้ไปเรียนต่อที่วิทยาลัย Christchurch ของ Oxford และเรียนจบปริญญาตรีคณิตศาสตร์เกียรตินิยมอันดับ 1 เมื่ออายุ 22 ปี จากนั้นก็ได้รับทุนการศึกษาต่อ แต่ทุนนี้เป็นทุนศาสนา ซึ่งมีเงื่อนไขว่าผู้รับทุนต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับเพศตรงข้าม และต้องบวช หลายๆ คนอาจ งง ว่าเขาคือใคร แต่ถ้าบอกว่าเขาคือคนแต่งนิทานเรื่อง อลิซผจญภัยดินแดนมหัศจรรย์(Alice’s Adventures in Wonderland)คง รู้จัก มีทฤษฏีเกี่ยวกับเขาว่าเขาน่าจะเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ไว้หลากหลาย เพราะเขาเคยถูกกล่าวหาว่าพยายามพรากผู้เยาว์ เพราะเขาเคยเข้าไปยุ่งลูกสาว 3 คนของคณบดีคนหนึ่งที่มหาลัยของเขาทำงาน(ชอบเด็ก) บางคนก็ว่าเขาได้ร่วมมือกับเพื่อนที่ชื่อ Thomas Vere Bayne สังหารเหยื่อที่เป็นโสเภณี โดยเขาได้เขียนรหัสลับบอกนัยๆ ว่าเขาเป็นแจ๊คในนิทานเรื่องอลิซ

อันดับที่ 9
Prince Albert (1864 -1892)
หรือเจ้าชายเอดดี ดยุคแห่งแคลเรนซ์(Prince Albert Victor ดยุคแห่ง Clarence และ Avondale) และคณะ เจ้าชายองค์นี้มีโอกาสได้ขึ้นเป็นกษัตริย์อังกฤษด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดจึงถูกกล่าวหาว่าเป็นแจ๊คได้นี้ เนื่องจากหนังสือเรื่องหนึ่งที่ตีพิมพ์ในปี 1962 อ้างว่าพระองค์มีนิสัยสำส่อนและ ทั้งภาครัฐและราชวงศ์เคย เสด็จไปเที่ยวซ่องในย่านอีสต์เอนด์ และสันนิษฐานว่าพระองค์เรียนรู้เทคนิคในการชำแหละมาจากการล่าสัตว์ และทรงติดเชื้อซิฟิลิส ขณะที่สาเหตุอย่างเป็นทางการระบุว่าพระองค์สิ้นพระชนม์จากอาการปอดอักเสบ หนังสือหลายเล่มชี้ว่าพระองค์เป็นผู้ลงมือเองหรือไม่ก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการฆาตกรรมเพื่อปิดปังพฤติกรรมอันเหลวแหลก หรือ ปิดปกที่ตนทำให้โสเภณีคนหนึ่งท้องจนโดนขู่ฟ้องแบลคเมล์ ทำให้รัฐบาลและราชวงศ์คิดจะกำจัดโสเภณีเหล่านี้แบบถอนรากถอนโคน ซึ่ง ข้อมูลนี้กล่าวว่าแจ๊คน่าจะเป็นคณะบุคคลหลายคน ทฤษฎี นี้แพร่หลายมาก แต่อย่างไรก็ตามสาวกของแจ็คส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากบันทึกเกี่ยวกับพระกรณียกิจของเจ้าชายยืนยันว่าในขณะที่การฆาตกรรม เกิดขึ้นพระองค์ไม่ได้ประทับอยู่ในลอนดอนเลย อย่างไรก็ตามกลุ่มที่เชื่อทฤษฎีนี้โต้ว่าเจ้าชายเอดดีอาจจะแอบมาลอนดอน หรือมิเช่นนั้นบันทึกของทางการอาจจะเป็นสิ่งที่ "แต่ง" ขึ้นมาก็ได้

อันดับที่ 8
Jill The Ripper (1866-1890)
ส่วน มากมักมีคนตั้งสงสัยว่าฆาตกรแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์เป็นผู้ชาย แต่ไม่มีใครสักคนต้องข้อสงสัยว่าเป็นผู้หญิง คำตอบคือมีคนหนึ่งครับที่คาดว่าเธออาจเป็นแจ็ค ก็คือ นาง แมรี่ เพียร์ซี่ย์(Mary Pearcey) ซึ่ง ทฤษฏีนี้มาจากเซอร์โคนันคนแต่งเซอร์ล็อกโฮล์มแหละครับ(ที่น่าสังเกตคือโคนัน ภาคหนังโรงแจ๊คเป็นผู้หญิงเหมือนกัน คงเอาโครงเรื่องมาจากคนนี้แหละ) ซึ่งมีชื่อเดิมว่า แม รี่ เอเลียนอร์ วีลเลอร์ เกิดในปี 1866 บิดาชื่อโธมัส วีลเลอร์ เป็นนักโทษประหารคดีฆ่า และถูกตัดสินประหารชีวิตเมื่อ 29 พฤศจิกายน 1880 ทำให้เธอมีเพียงแม่และพี่น้องเท่านั้นที่ช่วยเลี้ยงดู จนเธอเติบโตเป็นผู้หญิงรูปร่างดีน่าดึงดูด จนหลายคนอุปมาว่าเธอเหมือน "shapely hands". (มันสวยตรงไหนเนี้ย ) เธอสูงประมาณ 5 ฟุต 6 นิ้ว ผมสีแดงน่ารักและดวงตาน้ำเงินสวยใส อย่าง ไรก็ตามแม้แมรี่จะมีรูปร่างดี แต่ชีวิตความเป็นอยู่ไม่ดีนัก ด้วยสภาพความเป็นอยู่ทีแร้งแค้นของยุค 18 ทำให้แมรี่มักแก้ปัญหาด้วยการดื่มเหล้า จนกระทั้งเธอเป็นโรคจิดสุราเรื้อรัง แมรี่ใช้นามสกุล “เพียร์ซี่ย์” จาก John Charles Pearcey ช่างไม้ที่เธออยู่อาศัยด้วย แต่ดูเหมือนว่าจอร์ดจะเป็นสามีที่ไม่ค่อยดีนัก เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยา เขาทิ้งแมรี่ไปหาหญิงคนใหม่ ซึ่งเป็นโสเภณี ทำให้แมรี่เกลียดโสเภณีจนถึงขั้นอยากจะฆ่าเธอ จากนั้นเธอก็จับอาชีพเป็นหมอตำแยและฆ่าพวกโสเภณีที่แย่งแฟนของเธอไปทำให้ได้ รับขนานนาม “จิล เดอะ ริปเปอร์” ด้วยความที่เป็นหมอตำแยทำให้เสื้อของเธอมักเปื้อนเลือดอยู่แล้ว ทำให้คนผ่านมาไม่สงสัย ไม่ใส่ใจ และเธอก็สามารถปลอมเป็นผู้ชายได้ด้วย(หน้าให้ขนาดนั้น) เธอถูกตัดสินประหารจากคดีฆ่าคนรักและลูกเมื่อเดือนตุลาคม 1890 ติดเพียงแค่ DNA เท่านั้นที่ DNA ของเธอไม่ตรงกับในจดหมายของแจ๊คที่ส่งให้ตำรวจ(แต่ก็นั้นอีกแหละจดหมายนั้น อาจเป็นของปลอมก็ได้นี้น่า)

อันดับที่ 7
Thomas Neil Cream (1850-1892)
ดร.โท มัส นีล ครีม เป็นแพทย์เฉพาะทางเกิดในสก็อตแลนด์ศึกษาในลอนดอนและไปทำงานในแคนาดาและไปทำ งานในชิคาโกและอิลลินอยส์แต่พฤติกรรมของเขาไม่ดีนัก เพราะเป็นคนเลวและมีพฤติกรรมสกปรก และชอบทรมานคนอื่น ใน ปี 1881 เขาถูกต้องข้อหาฆาตกรรมโดยเป็นนักวางยาพิษในผู้ป่วยของเขาหลายราย เขาถูกจับในอิลลินอยส์ และถูกประหารโดยการแขวนคอในปี 158 พฤศจิกายน 1892 และเมื่อถึงเวลาประหาร เขาตะโกนออกมาว่า"ฉันคือแจ๊คเดอะริปเปอร์" (ที่จริงตะโกนได้แค่ว่า I'm Jack..... ก็ ตายเสียก่อน) ซึ่งจากการศึกษาก็พบว่าเขามีอาชีพเป็นหมอซึ่งชำนาญผ่าตัด เขาชอบโสเภณี และจากคดีที่เขาก่อเหยื่อส่วนมากเป็นโสเภณีซะด้วยแต่เนื่องจากขณะที่แจ๊คก่อ คดีในลอนดอน เขายังอยู่ที่นิวยอร์ค และเขาถูกจำคุกที่ชิคาโก้ ทฤษฎีนี้จึงตกไปแต่กระนั้นก็ไม่สามารถตัดรายชื่อผู้ต้องสงสัยได้เพราะว่าเขา อาจใช้วิธีอ้างฐานที่อยู่ก็ได้(เรื่องราวของเขาจะถูกนำเสนอในตอนต่อๆ ไป)

อันดับที่ 6
Dr. Tumblety Francis (1833-1903)
ป็นแพทย์ชาวไอริช เป็นนักต้มตุ๋น เขาเดินทางมาหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ อเมริกา และแคนาดา เขาอยู่ในลอนดอนในปี 1888 ซึ่ง เป็นช่วงแจ๊คอาละวาดพอดี นอกจารกนั้นเขายังมีความใกล้ชิดกับพระนางเจ้าวิคตอเรียเนื่องจากเขาเป็นหมอ ที่มีชื่อเสียงและรักษาคนมีชื่อเสียงหลายคน เขาถูกจับกุมเมื่อ 7 พฤษภาคม 1888 ในคดีต้มตุ๋นหลายคดี

อันดับที่ 5
Aaron Kominski (??-1919)
ซอฟสกี้ (จอร์จ แซปแมน) อารอน โคสมินสกี้ ไม่มีใครทราบประวัติของเขามากนัก รู้แต่ว่าเขาเป็นช่างตัดผมชาวยิวโบลิซ(ชาวโปแลนด์) ใฝ่ฝันจะเป็นหมอผ่าตัด เคยฝึกการผ่าศพมาอย่างช่ำชองก่อนเดินทางมาอังกฤษ มาแล้ว และมีอาการป่วยทางจิตตั้งแต่อายุ 25 เขาถูกสงสัยว่าเป็นแจ๊ค เดอะริปเปอร์ จากบันทึกลับของหัวหน้าตำรวจ Melville Macnaghten ปี 1888 ช่วงที่แจ๊คออกอาละวาดนั้น ไม่มีใครทราบข่าวว่า อารอน โคสมินสกี้ ไปไหน ว่ากันว่าเขาทำงานเป็นช่างตัดผมแถวนั้นพอดี และเป็นอย่างไรในปีนั้น กว่าจะโผล่มาอีกทีก็เมื่อ 2 ปีข้างหน้าช่วงที่แจ๊คหายตัวไปแล้ว และหลังจากเหยื่อรายที่ 6 เขาย้ายไปนิวยอร์ก และมีข่าวการฆาตกรรมบริเวณนั้นเหมือนกัน วัน เสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 1590 อารอน โคสมินสกี้ ถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลไมล์สเอ็นด์ โอลด์ทาวน์ หลังจากป่วยมาสองปี ตามบันทึกของโรงพยาบาลอนาถาแห่งนี้ระบุว่า เขาร่างกายแข็งแรงดี แต่เป็นโรคประสาท สามวันต่อมาเขาถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของพี่ชายซึ่งดูเหมือนจะชื่อวู้ล์ฟ อับราฮัมส์ ปี 1891 อารอน โคสมินสกี้ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลอนาถาอีกครั้ง ในขณะนั้นเขาอาศัยอยู่กับมอร์ริส ลูบ นาวสกี้ซึ่งเป็นพี่เขย วัน ที่ 7 กุมภาพันธ์ 1891 เขาถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลโรคจิตโคลนี่ย์แฮ็ทช์ มีบันทึกอาการบอกว่าเขามักทำอะไรที่ไม่รู้ตัว และส่วนมากมักทำอะไรบ้าๆ เช่น ดื่มน้ำก๊อกประปาจากถนน กินอาหารจากขยะ ถือมีดไล่ขู่น้องสาว ทำร้ายตนเอง เนื้อตัวสกปรกไม่ยอมอาบน้ำ แต่กระนั้นเขาก็ไม่มีท่าทีที่ฆ่าตัวตายและไม่เคยอาละวาดฆ่าคน และปี 1919 อารอน โคสมินสกี้เสียชีวิตในโรงพยาบาลโรคจิตที่ลี้ฟดอน ขณะอายุ 25 ปี ใน ด้านนักแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์วิทยาบางคนไม่เห็นด้วยกับทฤษฏีนี้) เพราะตามบันทึกประวัติจะเห็นได้ว่าเขาเป็นเพียงคนจรจัดที่เที่ยวหาอาหารตาม ถังขยะกันมากกว่าจะเห็นเป็นฆาตกรโหดฆ่าโสเภณีต่อเนื่อง 4-5 ศพ นอก จากนี้ ไม่มีพยานคนไหนที่เอ่ยว่าอารอน โคสมินสกี้เหมือนแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์เลยอีกทั้งโคสมินสกี้เป็นคนตัวเล็กและบอบบาง แต่คำให้การของพยานส่วนมากบอกว่าแจ๊คที่เขาเห็นเป็นคนรูปร่างกำยำ ไหล่กว้าง อายุราว40 ปี แต่งตัวเหมือนเสมียนมากกว่ากรรมกร มีท่าทีเหมือนผู้ดีตกยาก ซึ่งต่างจากโคสมินสกี้ที่แต่งตัวเหมือนขอทาน ยกเว้นวิลเลียม สมิธ ตำรวจคนที่เห็นแจ๊คกับเหยื่อรายที่ 3 ให้การว่าเหมือนโคสมินสกี้มาก

อันดับที่ 4
Cutbush Thomas (??-1903)
ในเดือนพฤศจิกายน 2008 มีเอกสารรายงานจากโรงพยาบาลโรคจิต Broadmoor รายงานว่า โธมัส เฮ ย์เนส คัทบุช อาจต้องรับผิดชอบในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในคดีแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ซึ่งเขาถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้าแจ๊คก็หยุดอาละวาดทันที เขาผู้นี้เป็นโรคประสาท(โรคซิฟิลิส)และทำอะไรโดยที่ตนไม่ตัวเคยทำลายและ พยายามฆ่าผู้หญิง และ เขาถูกตั้งข้อหาในคดีฆาตกรรมผู้หญิงที่ชื่อฟรอเลนซ์ จอนสัน เขาถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้าและตายที่นั้นเมื่อปี 1903 เอกสารรายงานว่าเขาเป็นหลานชายของผู้กำกับตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ดซึ่งมีความ เป็นไปได้ว่าเขาอาจถูกปกปิดด้วยใช้อำนาจมืด

อันดับที่ 3

Sir William Withey Gull (1816-1890)
เซอร์วิลเลียม กัลล์ แพทย์ประจำพระราชสำนัก รักษา องค์ราชินีวิคทอเรียและมีชื่อเป็นผู้ต้องสงสัยของตำรวจมานานแล้ว และเป็นเจ้าของทฤษฏีที่ว่าราชวงศ์อังกฤษอาจอยู่เบื้องหลังของแจ๊ค และเป็นที่นิยมในหมู่คนเขียนนิยาย ออกเป็นหนังสือและภาคยนต์(ปี 1988 นำแสดงโดย Michael Caine) เขาฆ่าตัวตาย 2 ปีหลังจากเกิดคดีสุดท้าย แพทย์สภาได้สอบสวนเขา มี 12 เสียง ที่เชื่อมั่นว่าเขาคือแจ๊ค เนื่องจากเขาชอบไปเดินตะลอนๆในเมืองยามดึกดื่นโดยมีเลือดกระเซ็นเปรอะเต็ม ตัว เวลาคนถามก็เขาจะยิ้มตอบว่า "เป็นเลือดคนไข้...” เรื่องราวของเขาเคยมีการถูกนำมาอ้างโดยโรเบิร์ต เจมส์ ลีส์ เขาเป็นคนดังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นนักสืบพลังจิตหยั่งรู้อดีตและอนาคต เมื่ออายุ 19 ปี เขาเคยแสดงพลังอำนาจจิตให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของพระเนตรของพระราชินีวิ คทอเรียมาแล้ว จนถึงขั้นได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาราชินีแบบลับๆ อีกด้วย เมื่อ ตอนช่วงแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ออกมาไล่ฆ่าคนรายแรกนั้น ลีส์ลองใช้พลังจิตหาตัวฆาตกรว่าในอนาคตฆตกรรายนี้จะฆ่าใครเล่นๆ ดู พบว่าเขามองเหตุการณ์อนาคตทั้งหมดก่อนเกิดคดีฆาตกรรมครั้งที่สอง เขาเห็นหญิงชายคู่หนึ่งเดินมาด้วยกันตามตรอกซอยแคบๆ นาฬิกาบอกเวลา 00.30 น. จู่ๆ ฝ่ายหญิงก็ถูกลากหลบไปที่ซุ้มประตู และฆาตกรก็ใช้มีดคมกริบบาดคอเธอ ร่างเธอแน่นิ่ง และมันก็ชำแหลจนแหลกเละ คนร้ายเช็ดเลือดออกจากตัวแล้วแจกแจงสวมเสื้อคลุมยาวปกปิดร่างก่อนหายลับ ไปในเงามืด ภาพ นั้นรบกวนจิตใจของลีล์มาก เขาได้เขียนบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด แล้วตรงดิ่งไปสถานีตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ด และเล่าเรื่องเหตุการณ์อนาคตของคดีที่สองให้ตำรวจฟัง แต่เนื่องจากพอดีเวลานั้นไม่มีรายงานคดีฆาตกรรมแบบนี้เกิดขึ้น ลีส์เลยโดนไล่ออกไปในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมกลับตกเป็นผู้ต้องสงสัยอีก และในคืนนั้นเองที่แจ๊คออกปฏิบัติการฆ่าเหยื่ออีกครั้งในรูปแบบเดียวที่ลีส์ บรรยายในสมุดพกไม่ผิดเพี้ยน! หลัก จากที่มีการฆาตกรรมเหยื่อรายที่สอง ลีส์ก็ได้เห็นภาพการฆาตกรรมอีก แต่ไม่ละเอียดเท่าหนแรก เขาเห็นหูผู้หญิงคนหนึ่งถูกเฉือนทิ้ง เขาตรงดิ่งไปสถานีตำรวจอีกครั้ง คราวนี้ตำรวจสนฟังเรื่องของเขามากกว่าเดิม(นิดหน่อย) เนื่องจากพอดีมีจดหมายลงนามแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ส่งมายังสถานี ในนั้นมีคำว่า “เฉือนหูของนังหญิงทิ้ง แล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ดูเล่นๆ สนุกๆ” แต่ที่แน่ๆ วันที่ 1 ตุลาคม มีการพบเหยื่อรายที่สาม หล่อนถูกเฉือนหูทิ้งตามคำบอกเล่าของลีส์ไว้ไม่มีผิดเพี้ยน และ แล้วลีส์ก็ได้มองทะลุล่วงเวลาเห็นฉากฆาตกรรมครั้งที่สามและถือว่าเป็นการ มองอนาคต(แต่เป็นอดีต)เป็นครั้งสุดท้ายของลีส์ เพียงแต่มันเกิดขึ้นหลังจากฆาตกรรมครั้งที่สามไปแล้ว คราวนี้มันแจ่มชัดกว่าครั้งแรกเพราะเขาเห็นฆาตกรแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ชัดเจน ลีส์เดินตรงไปสถานีตำรวจ บอกว่าเขารู้ตัวว่าใครเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คราวนี้ตำรวจประทับใจรายละเอียดที่ลีส์บรรยายให้ฟัง จากนั้นตำรวจพาลีส์ไปยังสถานที่เกิดเหตุเมื่อเร็วๆ นี้ จากจุดนั้น ลีส์เดินนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตามถนนในกรุงลอนดอน พลางบอกว่าเขารู้ดีว่าเขากำลังตามหาใคร ตำบลไหน และแล้วเขาก็โผล่มาที่บ้านของ เซอร์ วิลเลียม กัลล์ นายแพทย์ที่นับถือหน้าถือตา แต่เบื้องหลังเป็นบุคคลเสียสติ ภรรยายอมรับว่าเขาจะหายตัวทุกครั้งที่มีการปรากฏตัวของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ มันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องบังเอิญกันแน่?

อันดับที่ 2

George Chapman(1559-1634)
George Chapman เป็นชาวโปแลนด์(เขาไม่มีความสัมพันธ์แอนนาหนึ่งในเหยื่อแจ๊คนะครับ นามสกุลเหมือนก็จริงแต่ไม่ใช้ญาติกัน)แต่เขาเดินเข้าเดินออกอังกฤษบ่อยๆ ในช่วง 1887-1888 โดยใช้นามแฝงหลายชื่อ เขาถูกประหารโดยการแขวนคอไปเมื่อปี ค.ศ.1903 เนื่อง จากทำผิดฐานวางยาพิษฆาตกรรมภรรยาตัวเองสามคน ระหว่างที่แจ๊คออกอาละวาดเขาอาศัยและทำงานเป็นช่างตัดผมในลอนดอนในที่เกิด เหตุพอดี อีกทั้งเขายังมีทักษะการแพทย์สามารถแล่เนื้อได้(เรื่องนี้ถูกถกเถียงว่าเขา ชำนาญการแพทย์ระดับไหน) อย่างไรก็ดีเขาก็เป็นฆาตกรรมต่อเนื่องภรรยาของเขาเองสามคน ซึ่งโดยปกติแล้วฆาตกรต่อเนื่องมักจะใช้วิธีซ้ำๆ ซากๆ ที่ถนัดในการจัดการเหยื่อ ซึ่งหากเขาเป็นแจ๊คจริงเขาน่าจะฆ่าโสเภณีทั้งหลายมากกว่า แทนที่จะรัดคอและใช้มีดชำแหละ

อันดับที่ 1

Druitt Montague John(1857-1888)
มอง ตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ (หรือมองตากู) เป็นชายที่หลายๆ คน ต่างมีความเห็นว่าเขาอาจเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์มากที่สุดในผู้ต้องสงสัยในจำนวนหลายๆ คนที่ว่ามา มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ เกิดเมื่อ 15 สิงหาคม 1857 เป็นลูกชายคนที่สองของศัลยแพทย์วิลเลี่ยม ดรูอิทท์แห่งวิมบอร์นในดอร์เซ็ทเป็นครอบครัวที่ดีและมีการศึกษา จบจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฝอร์ดในปี 1880 ด้วยเกียรตินิยมอันดับสามในสาขาวิชาคล้าสสิค ต่อมาเขาก็ไปเรียนเป็นแพทย์ปีหนึ่งก่อนที่จะเบนเข็มเป็นนักกฎหมายโดยสมัคร เข้าเรียนอินเนอร์ เท็มเพิ่ลเดือนพฤษภาคม 1882 และเดือนเมษายน 1885 ขณะเรียนกฎหมายเขาก็ทำอาชีพเป็นครูไปด้วย และบิดาของเขาก็เสียชีวิตในปีเดียวกัน ทำให้เริ่มมีอาการวิกลจริต ใน ปี 1888 ปีทีแจ๊คออกอาละวาด ชีวิตของมองตากูว์ช่วงนั้นถึงขั้นล้มเหลวพอดี เมื่อเขาถูกไล่ออกจากงาน เนื่องจากเขามีพฤติกรรมรักร่วมเพศและกระทำการลวนลามละเมิดเด็กนักเรียนชาย แต่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าเป็นจริงหรือไม่ อย่าง ไรก็ตามต่อมา ยายและน้องสาวของมองตากูว์เกิดอาการผิดปกติทางจิตและฆ่าตัวตาย และแม่ต้องเข้าไปบำบัดจิตที่แคล็ปตันในเดือนกรกฎาคม ช่วงนี้มองตากูว์ทุกข์มากๆ และส่งผลต่อสถาวะจิตใจ แต่ด้านสถานภาพการเงินของเขายังคงมั่งคงอยู่ ในขณะนั้น มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ อายุ 31 ปี 31 ธันวาคม 1888 เวลา 13.00 น. ผู้พบศพขึ้นอืด มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ที่แม่น้ำเธมส์เลยท่าเรือธอร์นีย์คร้อฟท์ไปเล็กน้อย จากการสืบสวนพบว่าเขาหายตัวไปจากบ้านไป 4 อาทิตย์ และไม่มีร่องรอยถูกทำลายใดๆ สาเหตุการตายคือจมน้ำตาย โดยมีก้อนหิน 4 ก้อนในกระเป๋าเสื้อโค้ทเป็นตัวถ่วงตนเองให้จมน้ำตาย 30 ธันวาคม ก่อนวันที่ มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ ตายมีการพบจดหมายลาตายของผู้ตาย มันซ่อนอยู่ในที่อยู่บ้านของมองตากูว์ ในจดหมายเขียนไว้ว่า “นับตั้งแต่วันศุกร์ ผมรู้สึกกำลังจะเป็นแม่ และสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมก็คือความตาย” ตำรวจ พบกระดาษโน้ตจากศพของเขาที่ลอยมาตามแม่น้ำเทมส์เมื่อ 31 ธันวาคม ปี 1888 ทั้งนี้ เขาหายตัวไปหลังจากที่พบศพเหยื่อรายที่ 5 ได้ไม่นาน การสอบสวนของตำรวจระบุว่าเขาฆ่าตัวตายเนื่องจากอาการซึมเศร้า และสรุปว่าเขาคือแจ็คเดอะริปเปอร์ เพราะช่วงปี 1888 เขาออกมาเป็นครูอยู่แถวที่เกิดเหตุนั้นพอดี ทำให้ตำรวจปิดคดีได้สำเร็จ เพียงแต่จากพยาน(ที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก)บอกว่ามองตากูว์นั้นมีรูปร่างผอม ซูบซีด ไม่กำยำและไหล่กว้างเหมือนกับแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ที่พยานทั่วไปพบเห็น และแจ๊คนี้คาดว่าเป็นชาวต่างชาติแต่มองตากูว์ไม่ใช้ นอก จากนั้นเขายังมียังมีหลักฐานอ้างที่อยู่อีก คือ หนึ่งวันหลังจากแมรี่ แอนน์นิคอลส์เสียชีวิต มองตากูว์ซึ่งเป็นนักกีฬาคริกเก็ตกำลังเล่นให้ทีมในมณฑตดอร์เซ็ทอยู่ซึ่ง อยู่ห่างที่เกิดเหตุไกลเหมือนกัน และตอนเกิดเหตุคดีฆาตกรรมแอนนี่ แซ็ปแมน 6 ชั่วโมง เขากำลังเล่นให้ทีมแบล็คฮี๊ธในลอนดอนตอนใต้ ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ว่าเขาสามารถเดินทางข้ามเมืองไปฆ่าคนและกลับไปตอนเช้า ไปเล่นคริกเก็ตได้ทันตามที่กำหนด อีกทั้งมีคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาฆ่าตัวตายหรือถูกฆาตกรรมเสียเองกันแน่ ?? แต่ กระนั้นการตายของเขาทำให้แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์หยุดอาละวาดลง(ในเหยื่อที่ 5 ส่วนรายที่6นั้นมีคนบอกว่าเป็นการฆ่าแบบลอกเลียนแบบมากกว่า)

ต้นฉบับ(เครดิต) :: CAMMY!
                               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น